บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิต รถยนต์ของประเทศไทย ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยยนตรกรรมทุกรูปแบบ
ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์เป้าหมายสูงสุดของเรา คือการได้สรรค์สร้างยนตรกรรมที่จะเชื่อมโยงผู้คนไปสู่ทุกทวีป ทุกมุมโลก เพื่อให้ตรงกับคำนิยามของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส "Drive@earth"
ขณะเดียวกัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม และการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการทำงานภายใต้แนวคิดของ “วิสัยทัศน์ด้าน
สิ่งแวดล้อมของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส กรุ๊ป สู่ปี 2020” บริษัทในกลุ่มจะพัฒนาและปรับเปลี่ยน
การคิดค้นพัฒนา การจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การจำหน่าย และการบริการหลังการขาย
ที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายหลักที่จะลดปริมาณ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตให้ได้ร้อยละ 70 ในปี 2020
การส่งออกรถยนต์ “มิตซูบิชิ แชมป์” ไปจำหน่ายยังกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2531 นับเป็นการเปิดหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์วงการรถยนต์เมืองไทย และนำบริษัท
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ก้าวไปสู่ความสำเร็จสูงสุดของการดำเนินธุรกิจ
จากนั้นมา บริษัทฯ ได้ขยายตลาดการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ กว่า 140 ประเทศ ครอบคลุมประเทศกลุ่มอาเซียน ออสเตรเลีย เอเชีย-แปซิฟิก ยุโรป อัฟริกา และตะวันออกกลาง
บริษัทฯ ได้เฉลิมฉลองการส่งออกรถยนต์ มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ L200 ครบ 1 ล้านคัน เมื่อปี 2550 และประสบความสำเร็จกับการผลิตรถยนต์รวมทุกกลุ่มครบ 2 ล้านคัน เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา
ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ ประกอบกับความเหมาะสมทางด้านการลงทุน และทักษะฝีมือ
แรงงานในประเทศไทย ทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้ไว้วางใจเลือกให้ไทยเป็น
ฐานการผลิตรถยนต์กระบะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ส่งจำหน่ายไปทั่วโลก และล่าสุด
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้เริ่มบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ขนาดเล็ก ในโครงการ Mitsubishi Global Small ไปยังประเทศต่างๆ ในฐานะ
โปรดักแชมเปี้ยนรุ่นที่ 2 จากประเทศไทยต่อจากรถกระบะ
ศักยภาพการผลิตระดับโลก จากมิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้พัฒนาระบบการทำงานและกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง สร้างความแข็งแกร่งด้วยการยกระดับคุณภาพของเครื่องจักร พัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ตลอดจนฝึกฝน ทักษะฝีมือของทีมงานอย่างเข้มข้น เพื่อรองรับการเพิ่มปริมาณการผลิต และการส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก
โรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่หนึ่ง และสอง ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เริ่มดำเนินการผลิตเมื่อปี 1992 และ 1996 ตามลำดับ ด้วยทำเลที่ตั้งใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ทำให้สอดคล้องกับกลยุทธ์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย ไปยังนานาประเทศ ได้เริ่มการผลิตในโรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่สาม ในปี 2012 โดยมีที่ตั้งโรงงานอยู่ใกล้สองแห่งแรก และสะท้อนถึงการให้ความสำคัญ อย่างยิ่งยวดในเชิงกลยุทธ์ระดับนานาชาติจากบริษัทแม่
ด้วยความใส่ใจต่อความสำคัญของการผลิตรถยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจ
โรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่สามของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงใช้ระบบการพ่นสีที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย (Aqueous Coating System) เพื่อให้ได้กระบวนการพ่นสีที่เป็นมิตรต่อ
สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มอัตราการใช้เครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น จากสัดส่วนเดิมในโรงงาน
ประกอบรถยนต์แห่งที่หนึ่ง และสอง อยู่ที่ร้อยละ 8 สำหรับโรงงานแห่งที่สาม จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 เพื่อคุณภาพการผลิตที่สูงขึ้น เหมาะสมกับวัตถุดิบและเทคโนโลยีทันสมัยที่ได้นำเข้ามา สำหรับการผลิตรถยนต์ในโครงการ Global Small หรือรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco Car)
ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีโรงงานประกอบรถยนต์จำนวน 3 แห่ง และโรงงาน ผลิตเครื่องยนต์อีก 1 แห่ง ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง สะท้อนถึงความไว้วางใจและ สถานะการเป็น “ฐานการผลิตระดับโลก” ได้อย่างชัดเจน โดยโรงงานประกอบรถยนต์ทั้งสามแห่ง
มีความก้าวหน้าทั้งด้านเทคโนโลยีและคุณภาพการผลิตในระดับแนวหน้า ภายใต้แนวคิด “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปรับลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันสูงสุด”
โรงงานแห่งที่ 1 ประกอบรถยนต์นั่ง รุ่น มิตซูบิชิ แลนเซอร์ และ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
มีความสามารถการผลิตสูงสุด 80,000 คันต่อปี
โรงงานแห่งที่ 2 ประกอบรถกระบะ รุ่น มิตซูบิชิ ไทรทัน และ รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (PPV)
รุ่น มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มีความสามารถการผลิตสูงสุด 230,000 คัน ต่อปี
โรงงานแห่งที่ 3 ประกอบรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco Car) รุ่น มิตซูบิชิ มิราจ
มีความสามารถการผลิตสูงสุด 150,000 คันต่อปี
โรงงานผลิตเครื่องยนต์ ดำเนินการภายใต้ชื่อบริษัท MMTh Engine จำกัด (MEC) เป็นการขยาย สายการผลิตออกมาจากโรงงานประกอบรถยนต์เดิม โดยมีกำลังผลิตเครื่องยนต์ต่อปีประมาณ 362,000 เครื่อง เพื่อส่งมอบให้แก่โรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย และส่งออกไปยัง
โรงงานประกอบรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
โรงงานประกอบรถยนต์ทั้งสามแห่งนี้ มีความสามารถในการผลิตรวมกันถึง 460,000 คัน ต่อปี แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น
ที่นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น